” ขาวนิยม (น้ำดอกไม้มัน) “

วงศ์ : Anacardiaceae

ชื่อภาษาไทย : ขาวนิยม (น้ำดอกไม้มัน)

พันธุ์ : น้ำดอกไม้มัน

แหล่งกำเนิด :

เกิดจากการผสมเกสรของมะม่วง 2 สายพันธุ์ คือ ระหว่าง มะม่วง เขียวเสวย กับ มะม่วงน้ำดอกไม้ เมื่อได้ลูกไม้ใหม่ออกมาปลูกเลี้ยงหลายปีจนมีผลโดดเด่นกว่าสายพันธุ์พ่อและแม่หลายจุดน เช่น ติดผลดก ผลมีขนาดใหญ่มาก มีน้ำหนักเฉลี่ยเมื่อผลโตเต็มที่ตั้งแต่ 1.5-2 กิโลกรัมต่อผล รสชาติผลแก่หรือห่ามหวานมันปนเปรี้ยวเล็กน้อยกรอบอร่อยเหมือนกับรสชาติมะม่วงเขียวเสวยส่วนเมื่อผลสุกจะหวานหอมเหมือนกับมะม่วงน้ำดอกไม้ ทุกอย่าง ผู้ขยายพันธุ์จึงตั้งชื่อว่า “มะม่วงน้ำดอกไม้ มัน”

ประวัติความเป็นมา :

เมื่อปี พ.ศ.2510 คุณขาว น้อยรักษา ได้นำเมล็ดมะม่วงเขียวเสวยมาปลูกแล้วบังเอิญมีต้นกลายพันธ์ 1 ต้น ซึ่งมีลักษณะเด่น คือ ผลใหญ่ รูปทรงสวย รับประทานดิบรสชาติมันหวานคล้ายมะม่วงเขียวเสวย รับประทานสุกรสชาติหวานหอมเนื้อแน่น เมล็ดแบนลีบคล้ายมะม่วงน้ำดอกไม้ คุณขาว จึงตั้งชื่อว่า มะม่วงน้ำดอกไม้มัน ซึ่งสวนตั้งอยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 5 แขวงหลักสอง เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร เมื่อได้มะม่วงพันธ์นี้มาแล้วก็ได้บำรุงดูแลรักษาเป็นอย่างดี จนมีความมั่นใจว่าสายพันธุ์นี้นิ่งแล้วจึงทำการขยายพันธุ์ โดยปลูกในพื้นที่เขตบางบอนและเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร และได้ผลผลิตออกมาจึงลองส่งขายปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงได้ทำการขยายเพิ่มในพื้นที่กว่า 100 ไร่ และเมื่อปี พ.ศ.2538 ได้มีการลงความเห็นในกลุ่มบุตรของคุณขาว น้อยรักษาทั้ง 8 คน ว่าจะนำมะม่วงมันนี้ไปขึ้นทะเบียนไว้กับผืนแผ่นดินไทย ในวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2539 จึงได้ยื่นคำขอหนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียน ณ กองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการ และกรมวิชาการประกาศและให้หนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2543 ให้ชื่อว่า ขาวนิยม ซึ่ง ขาว มาจากชื่อของ คุณขาว น้อยรักษา นิยม มาจากการได้รับความนิยมชมชอบ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความดีของคุณขาว น้อยรักษา ผู้ให้กำเนิดมะม่วงพันธุ์ ขาวนิยม

ใช้ชื่อ “ขาวนิยม” เพื่อเป็นเกียรติกับคุณพ่อขาว น้อยรักษา

คุณสมบัติเด่นของมะม่วงขาวนิยม :

  1. ขนาดผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ย 0.6 – 1.5 กิโลกรัม ปัจจุบันมีการพัฒนาการบำรุงรักษาผลผลิตโดยเน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพและการสกัดสมุนไพรป้องกัน กำจัดแมลง โรคพืช เพื่อเน้นความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค
  2. ผลรูปทรงสวยงาม ลักษณะเป็นทรงกระบอกหัวคล้ายมะม่วงเขียวเสวย ปลายแหลมคล้ายมะม่วงน้ำดอกไม้
  3. ผลดิบ สีผิวจะอยู่กางกลางระหว่างสีผิวของมะม่วงน้ำดอกไม้ และสีผิวของมะม่วงเขียวเสวย คือไม่เข้มเท่าเขียวเสวยและไม่อ่อนเท่าน้ำดอกไม้ เปลือกจึงมีความทนทานต่อโรค แมลง การขนส่ง และเก็บได้นาน ผลแก่จัด (สุกปากตะกร้อ) ธรรมชาติของสายพันธุ์มะม่วงมันจะสุกจากปลายไปหาขั้ว (มะม่วงเปรี้ยวจะสุกจากขั้นไปหาปลายผล) เนื้อด้านในใกล้เปลือกกรอบกว่ามะม่วงเขียวเสวย และเนื้อด้านติดเมล็ดจะนิ่มและหวานหอมเป็นที่นิยมชมชอบมากสำหรับผู้บริโภค ผลสุก (บ่ม) เนื้อจะเป็นสีเหลืองปนส้มเล็กน้อยดูสวยงามมาก โดยเฉพาะผลสุกที่ได้จากการบ่ม เนื้อจะสุกเสมอทั้งผล รสชาติหวานและไม่มีเสี้ยน ความหนาของเปลือก จะมีเปลือกหนากว่ามะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้และมะม่วงเขียวเสวย

การเพาะพันธุ์ :

จะเหมือนกับมะม่วงน้ำดอกไม้ ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลรับประทานในครัวเรือน หรือปลูกเพื่อเก็บผลขาย ขุดหลุมกว้างหนึ่งฟุต ลึกเท่ากับปากถุงดำของกิ่งตอนหรือปากกระถาง จากนั้นนำต้นลงปลูกโดยรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกกลบหน้าดินให้แน่น รดน้ำพอชุ่มเช้าเย็น พร้อมบำรุงปุ๋ยสม่ำเสมอเดือนละครั้ง เมื่อต้นโตมีดอกและติดผลจะคุ้มค่ามาก

https://www.youtube.com/watch?v=R_M2HstMEOA
https://www.youtube.com/watch?v=R_M2HstMEOA
“มะม่วงขาวนิยม” ซึ่งให้ผลใหญ่ รสอร่อยคล้ายเขียวเสวย ขายได้ราคาดี

จัดทำโดย

นางสาวสุธินี โก๋กลิ่น 62003498015